[Tlc] Cirulating in Bangkok

Michael Montesano michael.montesano at gmail.com
Tue Apr 7 21:00:05 PDT 2009


The following is circulating, in the form of an e-mail attachment, in
Bangkok this week.

Mike Montesano
Singapore

--------------------

*ทักษิณ จุดชนวนสงครามไทย-เขมร ล่อทหารเลิกคุมม็อบ จับมือฮุนเซน **“**นั่งนายกฯ
**”** **ยกบ่อก๊าซอ่าวไทย เป็นบรรณาการ ***



มันช่างบังเอิญเหมาะเจาะอะไรกันเช่นนี้



ทักษิณ ชินวัตร ย่างเท้าถึงกัมพูชา เพียงแค่ 1 วันเท่านั้น ทหารกัมพูชา
ก็ก่อเหตุปะทะทหารไทย บรรเลงเพลงสงครามขึ้นมา อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
และไม่มีสิ่งบอกเหตุใดๆ มาก่อน



การปะทะกันครั้งนี้ ทหารไทย ต้องพลีชีพ 3 นาย และบาดเจ็บอีกหลายนาย
และถูกจับตัวเป็นเชลย อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อปกป้องดินแดนของประเทศไทย และ
ปกป้องอธิปไตยเหนือแผ่นดินไทย



หากเป็นสงครามเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ให้พ้นจากการรุกรานของอริราชศัตรู
เชื่อว่าทหารทุกคนคงภาคภูมิใจที่ได้เสียสละเพื่อชาติ แม้จะต้องสละชีวิตก็ตาม



แต่การปะทะกันครั้งนี้ ไม่ใช่เหตุปกติ
ทหารกัมพูชาไม่ได้มีเจตนาที่จะรุกรานแผ่นดินไทย
เพื่อครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชา



ทว่า สงครามครั้งนี้ ที่ทำให้ทั้งทหารไทยต้องสูญเสีย กลับเป็นความต้องการของ
อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ที่พูดอยู่ทุกวันว่า
รักแผ่นดินไทย รักประชาชนคนไทย และ จะกลับมาทำประโยชน์เพื่อคนไทย
ทุกลมหายใจเข้าออก



ใช่แล้ว สงครามไทย – กัมพูชา ครั้งนี้ เป็นความต้องการของ ทักษิณ และ
เป็นส่วนหนึ่งของแผนการกลับมายึดครองอำนาจเหนือประเทศไทย ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลังจากที่ปลุกประดมประชาชนคนเสื้อแดง ทำสงครามโค่นล้มสถาบันองคมนตรี และ
สถาบันพระมหากษัตริย์ ได้สำเร็จ



แผนการยืมมือกัมพูชาก่อสงครามกับกองทัพไทย เพื่อจะกลับเข้ามามีอำนาจในประเทศไทย
ครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ ทักษิณ บรรลุข้อตกลงกับฮุนเซน
ในเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนของทักษิณกับฮุนเซน และประโยชน์ของชาติกัมพูชา
ในเรื่อง บ่อก๊าซกลางทะเลอ่าวไทย ซึ่งมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ที่รัฐบาลกัมพูชา
โดยฮุนเซนมีเจตนายึดครองมานานแล้ว และเป็นที่มาของข้อพิพาทดินแดนไทย-กัมพูชา
ว่าด้วยแนวเขตแดนของปราสาทเขาพระวิหาร



เมื่อข้อตกลงแลกเปลี่ยนระหว่างอำนาจเหนือประเทศไทย กับ
ผลประโยชน์ของรัฐบาลกัมพูชา บรรลุผล พร้อมๆ กับ การกำหนดวันดีเดย์
ทำสงครามประชาชนของทักษิณ ถูกประกาศขึ้นว่าเป็นวันที่ 8 เมษายน และ
ปิดการเจรจาไม่ว่าจะกับใครทั้งสิ้น ด้วยท่าทีอันแข็งกร้าวของทักษิณ และ
แกนนำคนเสื้อแดง



พลันที่เครื่องบินส่วนตัว ราคา 1,500 ล้านบาท ของ ทักษิณ ชินวัตร
ก็สัมผัสพื้นรันเวย์สนามบินแห่งหนึ่งในกัมพูชา เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา
หน่วยรักษาความปลอดภัยของ ฮุนเซน ก็มารับตัว ทักษิณ
เข้าไปหลบในบ้านพักรับรองของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาทันที



แม้จะเป็นภารกิจลับสุดยอดของทหารกัมพูชา แต่ก็ไม่วายรอดพ้นหน่วยข่าวกองทัพไทย
ที่แฝงตัวอยู่ในพนมเปญ มากเป็นพิเศษ นับแต่เกิดกรณีพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร



แม้ ทักษิณ จะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้อยู่ที่พนมเปญ เมื่อคืนวันที่ 3-4 เมษายน
ที่ผ่านมา แต่กองทัพไทย มีทั้งพยานบุคคลและภาพถ่ายเป็นหลักฐาน มัดแน่นว่า
ทักษิณ ร่วมประชุมกับ ฮุนเซน และ ทหารระดับสูงของกัมพูชา หลายคน ก่อนที่
สงครามชายแดนไทย-กัมพูชา จะอุบัติขึ้น



แผนการก่อสงครามชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้ ทักษิณ
มีเป้าหมายที่จะทำให้กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่
2ซึ่งเป็นกำลังหลักในการรักษาความสงบเรียบร้อยสถานที่สำคัญ
ภายในกรุงเทพมหานคร
และ ถวายการอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ พระบรมวงศานุวงศ์
ต้องถอนกำลังออกจากการปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯ แล้ว
ส่งกำลังไปเฝ้าตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา
ซึ่งเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 และ 2



ทักษิณมั่นใจว่าเมื่อสงครามไทย-กัมพูชาเกิดขึ้น ทหารไทย โดยเฉพาะ อนุพงษ์
เผ่าจินดา ผบ.ทบ. จะต้องรับศึก 2 ด้าน คือ ศึกด้านกัมพูชา กับ ฮุนเซน และ
ศึกในกรุงเทพฯ กับ แกนนำคนเสื้อแดง ที่มีเขาเป็นผู้นำทัพตัวจริง
ซึ่งจะทำให้ทหารไทย ไม่มีความพร้อมที่จะรับศึก 2 ด้าน ในเวลาเดียวกัน



เมื่อ อนุพงศ์ เผ่าจินดา ต้องรับศึก 2 ด้าน การรักษาสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ
และพระบรมวงศานุวงศ์ ก็จะมีประสิทธิภาพและกำลังอ่อนด้อยลงไป
เป็นการเปิดโอกาสให้มวลชนคนเสื้อแดง เคลื่อนไหวก่อการใหญ่ ยึดอำนาจรัฐ
ล้มรัฐบาล ล้มองคมนตรี และ ล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ลงได้ในท้ายที่สุด



จากนั้น ทักษิณ ก็จะบินเข้าในประเทศไทย เดินนำทัพคนเสื้อแดงเข้ายึดกรุงเทพฯ และ
ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด พร้อมกับประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่ ที่มีทักษิณ
เป็นผู้ปกครอง และมีแกนนำคนเสื้อแดง เป็นผู้กำหนดรูปแบบและร่างกติกาการปกครอง



การสถาปนารัฐไทยใหม่ เป็นความต้องการสูงสุดของทักษิณ ที่ วีระ มุสิกงพศ์
เคยประกาศไว้บนเวทีปลุกระดมคนเสื้อแดง เมื่อ 2 เดือนก่อน



"ที่เรามาที่นี่คือ มาคิดการใหญ่ไม่ใช่แค่เปิดรายการทีวีออกอากาศ
1-2ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งครั้งนี้ต้องบอกว่า เราคิดการใหญ่
คือจะสร้างรัฐไทยขึ้นมาใหม่ และเป็นรัฐไทยที่จะต้องสร้างด้วยมือคนเสื้อแดง
มีสิทธิเสรีภาพ ให้ประชาชนสื่อมีสิทธิเสรีภาพ และการใช้กฎหมายต้องเสมอภาค
แน่นอน รัฐนี้ต้องไม่ใช่รัฐที่มี นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
อันนั้นมันหลอกลวงทั้งนั้น เราจะมารวมกันจากตรงนี้ก่อนเพราะ
ฉะนั้นท่าต้องดูดีสเตชั่น และจะขยายเครือข่ายไปทั่วประเทศ
หากขยายตัวออกไปรัฐไทยก็จะฟื้น หากไม่ขยายเราก็จะได้รู้ว่า เราแพ้แล้ว
หากทำไม่ได้ก็แพ้และตายไปพร้อมๆ กันจะได้หมดเรื่องหมดราว"



คำประกาศของ วีระ มุสิกพงศ์ เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา
ระหว่างการแถลงข่าวเปิดสถานีโทรทัศน์ ดี-สเตชั่น ซึ่งวีระ บอกชัดเจนว่า
ดี-สเตชั่น ไม่ใช่โทรทัศน์ทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือการสร้างรัฐไทยใหม่



วันนี้ ดี –สเตชั่น กำลังทำหน้าที่สร้างรัฐไทยใหม่ ให้กับ ทักษิณ และ วีระ
พร้อมแกนนำคนเสื้อแดง อย่างเอาจริงเอาจัง โดยที่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง
ปล่อยปละละเลยด้วยความประมาทอย่างไม่น่าให้อภัย ทำให้ เครือข่าย ดี-สเตชั่น
ขยายตัวไปทั่วประเทศ อย่างรวดเร็ว



กว่าที่รัฐบาล และฝ่ายความมั่นคง จะทันรู้ตัว ดี-สเตชั่น
ก็ทำหน้าที่ล้างสมองคนไทย ชักชวนคนไทยให้ช่วยกันสร้างรัฐไทยใหม่
ที่ต้องสร้างด้วยมือคนเสื้อแดง ได้มากมาย
จนประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตอย่างรวดเร็ว



การสร้างรัฐไทยใหม่ ด้วยมือคนเสื้อแดง ที่วีระ ประกาศในวันนั้น
ไม่แตกต่างจากการสร้างสังคมใหม่ ด้วยมือของพรรคคอมมิวนิสต์



ทั้งรัฐไทยใหม่ ของวีระ และ สังคมใหม่ ของพรรคคอมมิวนิสต์
ดำเนินมาในทิศทางเดียวกันคือ
ใช้สื่อปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์ และ ระบบราชการ
ซึ่งถูกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเรียกรวมกันว่า อำมาตยาธิปไตย
และสืบทอดมาจนถึงเวทีคนเสื้อแดง ที่มุ่งหมายล้มล้างอำมาตยาธิปไตย
อย่างเอาเป็นเอาตาย



สุดท้ายก็คือ การก่อสงครามประชาชน ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และ
ทุกสถาบันที่เป็นอุปสรรคต่อการขึ้นสู่อำนาจและปกครองประเทศ ของผู้สร้างรัฐใหม่



คำประกาศของ วีระ ที่ว่าการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นเรื่องหลอกลวง แสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ลงมติให้ อภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้ง
ไม่ยอมรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



วีระ กล่าวหาว่า มติของสภาผู้แทนราษฎร และ การโปรดเกล้าฯ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ สิ่งหลอกลวง แกนนำคนเสื้อแดง จึงไม่ยอมรับ
และเป็นเหตุให้ต้องสร้างรัฐไทยใหม่ ขึ้นมา



ทั้งๆ ที่สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ลงมติให้อภิสิทธิ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นรัฐสภา
ชุดเดียวกับที่ลงมติให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และ พระมหากษัตริย์
ที่ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง อภิสิทธิ์ ก็เป็นพระองค์เดียวกับทมี่โปรดเกล้าฯ
แต่งตั้ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์



ในวันที่ ฝ่ายทักษิณ สมประโยชน์ ได้ดังใจตัวเอง วีระ และคนเสื้อแดง
ยอมรับว่าเป็นกระบวนการที่ชอบธรรม แต่ในวันที่เสียประโยชน์
กลับบอกว่าเป็นกระบวนการที่หลอกลวง แสดงให้เห็นว่า วีระ และแกนนำคนเสื้อแดง
กำลังเพื่อประโยชน์ของทักษิณ และ ฝ่ายตน
มากกว่ายึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข



ไม่ต้องพูด ก็รู้ทั่วกันว่า รัฐไทยใหม่ ที่วีระ กำลังสร้างด้วย ดี-สเตชั่น มี
ทักษิณ เป็นผู้ปกครอง แต่ไม่มีความชัดเจนว่าจะมีระบบรัฐสภา และ
สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งวีระ ชี้ว่าเป็นสิ่งหลอกลวง หรือไม่



ทักษิณ มั่นใจมากว่าแผนการยึดอำนาจรัฐครั้งนี้จะสำเร็จ
และจะสามารถสถาปนาตนเองขึ้นเป็นผู้ปกครองรัฐไทยใหม่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า
การยืมมือกัมพูชา ช่วยทำสงครามกับกองทัพไทย
เพื่อดึงทหารส่วนหนึ่งออกจากการควบคุมสถานการณ์ม็อบเสื้อแดง ไปอยู่ที่ชายแดน
ครั้งนี้ มีข้อเสนอที่กัมพูชา ไม่อาจปฏิเสธได้



ทักษิณ ยื่นข้อเสนอต่อฮุนเซน ว่าหากเขากลับมามีอำนาจเหนือประเทศไทย อีกครั้ง
รัฐไทยใหม่ที่มีเขาเป็นผู้ปกครอง จะยกสิทธิเหนือบ่อก๊าซในอ่าวไทย
ให้เป็นของกัมพูชา ด้วยการกำหนดเขตดินแดนใหม่ ให้เขตพิพาททับซ้อน
ตกเป็นของกัมพูชา เนื่องจากจำนนหลักฐานพิกัดแผนที่ที่ นพดล ปัทมะ
ไปทำไว้กับกัมพูชา นั่นเอง



แหล่งก๊าซกลางอ่าวไทย เป็นสุดยอดปรารถนาของฮุนเซน ในฐานะผู้ปกครองรัฐกัมพูชา
เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะทำให้กัมพูชามีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
และเป็นแหล่งพลังงานที่จะดึงดูดให้นักลงทุนทั่วโลก เข้ามาลงทุนในกัมพูชา



การก่อสงครามเพื่อชิงอำนาจและผลประโยชน์เหนือดินแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้
แม้ว่าฮุนเซน กับ ทักษิณ จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
แต่มีความแตกต่างกันตรงที่...



ฮุนเซน ทำเพื่อประโยชน์ของกัมพูชา เป็นสำคัญ แต่ ทักษิณ
ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก



วิญญาณทหารไทย 2 นาย ที่เสียชีวิตจากการปะทะทหารกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 เมษายน
ที่ผ่านมา ต้องร่ำไห้เป็นแน่ เมื่อรู้ว่าต้องสละชีพให้กับสงครามที่คนไทย
ซึ่งเคยเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ชักใยอยู่เบื้องหลัง และ ประเทศไทย
อาจจะต้องสูญเสียดินแดน ให้กับกัมพูชา เพื่อบำบัดความใคร่ใฝ่หาอำนาจ และ
ความแค้นอาฆาตผูกพยาบาทในใจของ ทักษิณ เพียงคนเดียว



ทหารกัมพูชา 2 นาย ที่เสียชีวิต ในเหตุการณ์เดียวกัน
คงจะภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสละชีพของพวกเขา
จะได้มาซึ่งประโยชน์มหาศาลของกัมพูชา หากว่าแผนการของทักษิณ-ฮุนเซน
ประสบความสำเร็จ เพราะประชาชนชาวกัมพูชา
จะได้ครอบครองทั้งแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และ
ปราสาทเขาพระวิหารพร้อมอาณาบริเวณโดยรอบ ที่อยู่บนแผ่นดินไทยอย่างสมบูรณ์เสียที




ไม่น่าเชื่อว่า แผนการทำลายประเทศ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และขายชาติ
เพื่อแลกเปลี่ยนกับการกลับมามีอำนาจเหนือประเทศไทย นี้
จะอุบัติขึ้นมาจากมันสมองของทักษิณ ชินวัตร
คนที่ประชาชนคนไทยเคยให้โอกาสเป็นนายก รัฐมนตรี และ เป็นคนที่ประชาชนคนไทย
หลงเชื่ออย่างหัวปักหัวปำว่าจะเป็นผู้กลับมากอบกู้ประเทศไทย



มีทางเดียวที่พวกเราคนไทยจะช่วยป้องกันประเทศไทย ไม่ต้องสูญเสียดินแดน
และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ถูกทำลายล้มล้าง ก็คือ
ต้องร่วมมือร่วมใจกันหยุดยั้งแผนการอันชั่วร้ายที่จะสถาปนารัฐไทยใหม่ ของทักษิณ
ชินวัตร ผู้กำลังขายทรัพย์สินของชาติ เฉือนดินแดน ให้แก่กัมพูชา
เพียงเพื่อแลกมาซึ่งอำนาจที่จะครอบครองประเทศไทย โดยสมบูรณ์ ของตนเอง
แต่เพียงผู้เดียว



วันนี้ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีที่มีความซื่อสัตย์
จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ชี้ให้เห็นพฤติกรรมอันเลวร้ายของทักษิณ
แล้วว่า มีจุดมุ่งหมายล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างชัดเจน



ในอดีต พล.อ.พิจิตร เคยเป็นผู้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ วีระ มุสิกพงศ์
แกนนำคนเสื้อแดง กระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และ ศาลพิพากษาจำคุก วีระ ทั้งๆ
ที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่งผลให้ วีระ
ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี และ พบกับความตกต่ำทางการเมืองเรื่อยมา
จากเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ผู้จัดการรัฐบาล ในวันนั้น
ต้องกลายมาเป็นหัวหน้าม็อบ ในวันนี้



คนเจ้าคิดเจ้าแค้นและมุ่งแสวงหาอำนาจทางการเมืองมาแต่ยังเป็นนักศึกษา อย่างวีระ
จึงมีความเคียดแค้น อาฆาต ต่อกองทัพ สถาบันองคมนตรี และสถาบันพระมหากษัตริย์
ซ่อนอยู่ในใจตลอดมา นับแต่วันนั้นจวบจนถึงวันนี้



การสถาปนารัฐไทยใหม่ ที่มี ทักษิณ เป็นผู้ปกครอง
มีแกนนำคนเสื้อแดงเป็นผู้ร่างกฎกติกาของรัฐ ที่ออกจากปากของนายวีระ
จึงไม่ใช่เรื่องที่เพ้อฝัน



หากแต่เป็นความต้องการสูงสุด ของแกนนำคนเสื้อแดง ที่จะสถาปนาทักษิณ
ขึ้นมาเป็นผู้อำนาจสูงสุดในรัฐไทยใหม่ โดยไม่ได้กล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
แม้จะต้องแลกมากับการเสียดินแดน และชีวิตของพี่น้องประชาชน
ก็พร้อมจะแลกมาด้วยความยินดียิ่ง



โชคร้ายอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย ที่ได้มาเจอกับปีศาจในคราบนักบุญ อย่างทักษิณ
และ บริวาร



แต่แผ่นดินไทย เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เป็นแผ่นดินที่พระมหากษัตริย์ และ
บรรพบุรุษ แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต เป็นแผ่นดินที่คนไทยใจคด
คิดไม่ซื่อต่อแผ่นดิน และองค์พระมหากษัตริย์ ต้องดับสิ้นด้วยความทุกข์ทรมาน
มามากมาย นักต่อนักแล้ว



ทักษิณ ชินวัตร และ แกนนำคนเสื้อแดง ที่คิดไม่ซื่อต่อแผ่นดินไทย
ก็จะเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะถูกประชาชนสาปแช่งจากทุกสารทิศ
ให้ประสบกับชะตากรรมอันเลวร้าย สาสมกับความคิดและการกระทำอันชั่วร้าย
ที่กำลังดำเนินการอยู่



ถึงเวลาแล้ว ที่คนไทยทั้งประเทศ จะต้องตื่นตัว ต้องตาสว่าง
รับรู้ความชั่วร้ายของคนกลุ่มนี้ และช่วยกันขับไล่คนทำลายชาติ
ทำร้ายพระมหากษัตริย์ ไปให้พ้นจากประเทศไทย จนหมดสิ้น



เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และ
เพื่อรักษาแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคน



๓ เมษายน ๒๕๕๒



แฉ ทักษิณ ปลุกม็อบแดง ขู่รัฐบาล คืนเงิน 7 หมื่นล้าน ประกาศลั่น “ไม่ทำตาม...
ประเทศไทยฉิบหายแน่ !”



ข้อสงสัยในความร่ำรวยของทักษิณ ชินวัตร มิได้อยู่ในวงจำกัดแค่คนไทย
และในประเทศไทย



คนทั้งโลกก็สงสัยว่าจริงๆ แล้ว อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ที่ชื่อ ทักษิณ
ชินวัตร มีเงินทองมากมายมหาศาลขนาดไหนกันแน่



เพราะขนาดถูกอายัดทรัพย์ทั้งของตนเองและครอบครัว รวมกันกว่า 76,000 ล้านบาท แต่
ทักษิณ ก็ยังใช้ชีวิตแบบมหาเศรษฐีติดอันดับโลก



ทั้งๆ ที่ ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด ที่ทักษิณ แจ้งต่อคณะกรรมการป.ป.ช. นั้น
ถูกอายัดไว้ ไม่สามารถนำไปใช้ได้แม้แต่บาทเดียว เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว



แต่ 3 ปีที่ผ่านมา ทักษิณ สามารถเดินทางไปได้ทุกประเทศทั่วโลก ที่อยากจะไป
ด้วยเครื่องบินส่วนตัว พักโรงแรมชั้นหนึ่งคืนละหลายแสนบาท



ไม่เพียงแต่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา แบบมหาเศรษฐีระดับโลก ทักษิณ ยังทุ่มเงินกว่า
10,000 ล้านบาท ซื้อสโมสรฟุตบอลอาชีพ ในประเทศอังกฤษ และใช้เงินอีกเกือบ
500ล้านบาท ซื้อคฤหาสน์หลังงามในอังกฤษ ให้ลูกสาวอยู่อย่างสุขสบาย ทั้งๆ
ที่เงินทั้งหมดถูกอายัดไว้



เท่านั้นยังไม่พอ ที่ทักษิณ เพิ่งอวดความร่ำรวยของตัวเอง ก็คือ
จ่ายเงินซื้อเครื่องบินส่วนตัวอีก 1 ลำ ราคา 1,500 ล้านบาท



จ้างฝรั่งเป็นกัปตัน และ แอร์โฮสเตสส่วนตัว ด้วยค่าจ้างเดือนละเกือบ 1 ล้านบาท
ยังไม่นับรวมค่าจ้างเลขาสาว 3 คน และ รปภ.อีก 3 คน



ไม่มีใครอิจฉาความร่ำรวยของทักษิณ แต่เป็นความสงสัยมากกว่า ว่า ทักษิณ
ไปทำอะไรมา จึงร่ำรวยมีเงินทองมากมาย ทั้งๆ ที่ถูกอายัดทรัพย์ทั้งหมด
และไปเอาเงินจากที่ไหนมาใช้ เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่เป็นนายกรัฐมนตรี
ทักษิณบอกว่า ไม่ได้ทำธุรกิจ ประกอบอาชีพใดๆ เลย



นอกจากทรัพย์สิน 76,000 ล้านบาทที่ถูกอายัดในประเทศไทย



ทักษิณ ยังถูกรัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์ ไว้อีก 140,000 ล้านบาท ทักษิณ
ไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเอาเงิน 140,000 ล้าบาท มาจากไหน
ได้มาด้วยวิธีการอย่างไรและได้มาตั้งแต่เมื่อไร



ทักษิณ จึงถูกถอนวีซ่า ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีก



พูดง่ายๆ ก็คือ ทักษิณ เป็นบุคคลที่ประเทศอังกฤษไม่ต้อนรับ ทั้ง
ๆที่ก่อนหน้านั้น ทักษิณ ได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ นานกว่า 1 ปี



ทำไมท่าทีของรัฐบาลอังกฤษ ที่มีต่อทักษิณ จึงเปลี่ยนไป



เพราะ ทักษิณ มีพฤติกรรมไม่ต่างจากอาชญากรเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลก
ที่ตอบไม่ได้ว่าได้เงินมาอย่างไร



เพราะ ประเทศไทย กลับคืนสู่สภาพปกติ มีการปกครองระบอบประชาธิป
ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้ว



เพราะ ทักษิณ มีสถานะเป็นนักโทษหนีคุก หนีศาล ไม่ใช่ผู้ลี้ภัยทางการเมือง



นอกจากจะไม่เป็นที่ปรารถนาของอังกฤษ ทักษิณ
ยังถูกบังคับให้ขายหุ้นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ออกจนหมด
และถูกสโมสรลบชื่อออกจากทำเนียบประธานสโมสร ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในวงการฟุตบอลอังกฤษ



ทักษิณ โจมตีรัฐบาลอังกฤษ ว่าถูกรัฐบาลไทยแทรกแซง จนไม่กล้าให้วีซ่า
และปฏิเสธคำขอเข้าประเทศอังกฤษ ของเขา



ในเวลาไล่เลี่ยกัน บริวารของทักษิณ ก็กล่าวหาว่า ราชวงศ์ของไทย
ร้องขอให้ราชวงศ์อังกฤษ สั่งห้ามรัฐบาลอังกฤษ ออกวีซ่าให้ทักษิณ



การกล่าวหานี้ มีเป้าหมายให้เกิดผลกระทบต่อราชวงศ์และสถาบันพระ
มหากษัตริย์ของไทย และ ราชวงศ์ของอังกฤษอย่างร้ายแรง ในสายตาของชาวไทยและชาวโลก




วันนี้ ปัญหาของทักษิณ ไม่ได้อยู่เงิน 76,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลไทยอายัด
เพราะมีหลักฐานพอเชื่อได้ว่า มีที่มาจากการขายหุ้น ซึ่งหากทักษิณ
ไปพิสูจน์ในศาล ก็เชื่อว่าน่าจะได้คืน



แต่เงินก้อนใหญ่ 140,000 ล้านบาท ที่อังกฤษอายัดไว้ ต่างหากที่เป็นปัญหา
ซึ่งทักษิณ ชี้แจงไม่ได้ว่ามีที่มาอย่างไร



ใช่เงินของคนไทย ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทออกไปจากประเทศไทย หรือ ไม่ ?



เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมากที่ คนต่างชาติคนหนึ่ง มาอาศัยอยู่ในอังกฤษ
เพียงปีเศษ จะทำธุรกิจได้กำไร มีเงินทองกองอยู่ในอังกฤษ มากกว่า 140,000ล้านบาท



หากไม่โกง หรือ กอบโกยมาจากประเทศอื่น เรื่องแบบนี้ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร



ทักษิณ ถูกต้อนจนมุมคาจอโทรทัศน์ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี
จนต้องสารภาพว่าเขาทำธุรกิจอยู่บนเกาะบริติชเวอร์จิ้น
ซึ่งเป็นแหล่งฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก



เป็นไปได้ไหม ที่เงินจำนวน 140,000 ล้านบาทนี้ ถูกส่งออกจากประเทศไทย
ไปฟอกที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น แล้วถูกนำไปซุกซ่อนไว้ในอังกฤษ ในชื่ออื่น
ที่ไม่ใช่ ทักษิณ ชินวัตร ในขณะที่ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ก่อนจะเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549



วันนี้ สิ่งที่ ทักษิณ ต้องทำ ก่อนที่จะคิดกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
มีอำนาจเหนือประเทศไทย อย่างที่พูดอยู่ทุกวัน ฝันอยู่ทุกคืน ก็คือ
ชี้แจงให้ประชาชน ทราบ 4 เรื่อง ดังนี้



1. เงินที่งอกขึ้นมาเกือบ 50,000 ล้านบาท ก่อนที่จะเข้ามาทำงานการเมือง
ซึ่งแจ้งไว้กับป.ป.ช. ว่ามีอยู่ 25,000 ล้านบาท มาจากที่ไหน?



2. เงินจำนวน 140,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลอังกฤษ อายัดไว้ มีที่มาอย่างไร



3. เงินมากกว่า 10,000 ล้านบาท ที่ใช้ลงทุนและซ้อทรัพย์สินในช่วง
3ปีที่ผ่านมานั้น เอามาจากที่ไหน



4. เงิน 20,000 ล้านบาท หรือราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ทักษิณ
บอกกับนักข่าวว่ามีเหลือติดตัวอยู่เท่านี้
เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ได้มาอย่างไร



หากตอบคำถาม 4 ข้อนี้ไม่ได้
ก็ป่วยการที่จะคิดฝันถึงวันจะกลับมาเป็นผู้มีอำนาจเหนือประเทศไทยอีกครั้ง
เพราะวันนี้คนไทยส่วนใหญ่ ตาสว่างแล้ว



ตาสว่างพอที่จะมองเห็นว่า ทักษิณ วางแผนปลุกระดมคนเสื้อแดง
ก่อความไม่สงบในประเทศไทย แล้วใช้เป็นเงื่อนไขบีบบังคับให้รัฐบาลต้องคืนเงิน
76,000 ล้านบาทที่อายัดไว้ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์ที่มาของเงินในศาล



เปรียบกันง่ายๆ วันนี้ ทักษิณ จับประเทศไทย และประชาชนเป็นตัวประกัน
ข่มขู่ให้คืนเงิน 76,000 ล้านบาท คืน หากไม่ทำตามที่เขาต้องการ



ประเทศไทย ต้องฉิบหาย …. คนไทย ต้องล่มจม



“เมื่อข้าอยู่ไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใคร หน้าไหน จะอยู่อย่างสงบ”



นี่คือ ประกาศิตของทักษิณ ก่อนเคลื่อนพลใหญ่ 8 เมษายน นี้



คำถามก็คือ คนไทยส่วนใหญ่ จะยอมให้ทักษิณ และ สมุน กระทำทารุณกรรมต่อประเทศไทย
หรือไม่?



๑ เมษายน ๒๕๕๒



แฉแผน ทักษิณ ใช้คนเสื้อแดง บังคับ

ในหลวง นิรโทษกรรม



มีคำถามมากมายบนหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ทักษิณ ชินวัตร สู้กับใคร? และ สู้เพื่อใคร?




ใครได้ประโยชน์บนการต่อสู้ของทักษิณ ?



ประชาชน ได้อะไร และ ประเทศชาติ ได้อะไร ?



การด่ากราด กล่าวหาองคมนตรี เป็นคณะเผด็จการ ทำลายประเทศ ทำร้ายประชาชน
โค่นล้มประชาธิปไตย เป็นการตีวัวกระทบคราด ใช่หรือไม่ ?



หาก องคมนตรี คือ วัว แล้ว ใคร คือ คราด ?



พระเจ้าอยู่หัว คือ คราด ที่ ทักษิณ ต้องการให้ได้รับผลกระทบใช่หรือไม่ ?



ทักษิณ ยังจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จริงหรือ ?



เรื่องราวที่ทักษิณ เปิดเผยกับประชาชน บนเวทีคนเสื้อแดง
เป็นเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นมานาน 3 ปี แล้ว และ ทักษิณ
รู้เหตุการณ์เหล่านี้ทั้งหมดมาแต่ต้น แต่ไม่เคยนำมาพูด ไม่เคยบอกให้ประชาชนฟัง



เพราะอะไร ทำไมทักษิณ จึงเก็บเงียบมานานถึง 3 ปี
ทำไมจึงเพิ่งจะมาแฉความเลวร้ายขององคมนตรี ในสายตาทักษิณ และคนเสื้อแดง
ในวันนี้



เพราะ การเจรจาต่อรองกับ ป๋าเปรม ไม่สำเร็จ นั่นเอง



ทักษิณ ส่ง พจมาน ชินวัตร มาขอโทษป๋าเปรม และ ขอให้ป๋าเปรม ช่วยเจรจาคมช.
ให้ได้กลับเมืองไทย



ทักษิณ ยกมือไหว้ขอโทษป๋าเปรม ในงานศพแม่ อนุพงษ์ เผ่าจินดา



ทักษิณ ไปพบ ปีย์ มาลากุล 1 ครั้ง และส่ง พจมาน ไปพบอีก 2 ครั้ง
ที่บ้านสุขุมวิท ซึ่งเป็นบ้านหลังเดียวกันกับที่ทักษิณ
อ้างว่าเป็นสถานที่วางแผนก่อรัฐประหาร 19 กันยายน 2549



ทักษิณ โทรศัพท์เคลียร์กับ สนธิ บุญยรัตกลิน ปรับความเข้าใจ เป็นพี่น้องกัน
หลังยึดอำนาจ



คนทั้งหมดที่ ทักษิณ ไปพบและเจรจา เพื่อยุติปัญหา และความผิด
เป็นคนกลุ่มเดียวกับที่ทักษิณ อ้างว่าเป็นผู้ก่อการยึดอำนาจ ทำลายประชาธิปไตย
นี่หรือคือพฤติกรรมของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย



การแอบเจรจา คบหาสมาคมกับผู้ก่อการรัฐประหาร
ย่อมไม่ใช่วิสัยของผู้รักประชาธิปไตย อย่างแน่นอน จริงหรือไม่?



ที่ผ่านมา ทักษิณ ไม่พูดเรื่องเหล่านี้ เพราะเจรจากันอยู่
แต่ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนกฎหมาย ช่วยแก้ไขความผิด ให้ถูกต้องได้



ทักษิณ จึงโกรธแค้น และ ออกมา ฉะ แฉ ฉาว ทุกคน ที่ไม่ทำตามในสิ่งที่เขาร้องขอ
และ ข่มขู่



เหมือนกับจะรู้ชะตากรรมล่วงหน้า แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพราะทักษิณ
รู้ดีว่าบทลงโทษของการกระทำในอดีตที่ผ่านมา คืออะไร



ทักษิณ จึงอาศัยจังหวะที่ศาลอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ
ไปร่วมชมพิธีเปิดโอลิมปิกส์ ที่ประเทศจีน
แล้วก็ไม่เดินทางกลับมาประเทศไทยอีกเลย จึงกลายเป็นผู้ต้องหาหนีหมายศาล



เมื่อศาลตัดสินว่ามีความผิด ทักษิณ จึงมีสภาพเป็นนักโทษหนีคุกทันที



หลังจากถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ทักษิณ กลับบอกว่าศาลไม่เป็นธรรม
ไม่ให้โอกาสสู้คดี ทั้งๆ ที่หนีไปเอง



เมื่อตกอยู่ในสถานะนักโทศหนีคุก ทักษิณ บอกว่าเขาจะกลับประเทศไทย เพื่อมาต่อสู้
และเรียกร้องความเป็นธรรม ร่วมกับประชาชน



การโฟนอิน เมื่อครั้งคนเสื้อแดงชุมนุมที่สนามกีฬารัชมังคลาภิเษก ทักษิณ
บอกว่าเขาจะกลับประเทศไทยได้ ด้วย 2 วิธี คือ 1.ได้รับพระราชทานอภัยโทษ
และ 2. คนเสื้อแดงพากลับทักษิณ
บอกว่าต้องการได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่เขาไม่เคยขออภัยโทษ
และประกาศว่าไม่มีวันที่จะขออภัยโทษด้วย



ชัดไหมว่า ทักษิณ ไม่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ในสายตา และ
ไม่ได้เคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



ทักษิณ เชื่อว่าเขาจะปลุกระดมมวลชน ให้มีจำนวนมากพอที่จะมายืนล้อมตัว
และเป็นโล่ห์มนุษย์ ป้องกันเขาจากการถูกจับกุมของเจ้าหน้าที่รัฐได้



ทักษิณ แสดงให้เห็นว่าสุดท้ายแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ก็จะต้องพระราชทานอภัยโทษ ให้เขา ตามแรงกดดันของมวลชนคนเสื้อแดง
ที่เขาปลุกระดมขึ้นมา



ทักษิณ กำลังใช้กฎหมู่มาทำลายกฎหมาย



ทักษิณ กำลังเอามวลชนมาบีบพระเจ้าอยู่หัว ให้อภัยโทษ โดยที่เขาไม่ต้องร้องขอ
เหมือนผู้ต้องคำพิพากษาของศาลรายอื่นๆ และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน



หากทำสำเร็จ ก็เท่ากับว่าทักษิณ มีอำนาจเหนือพระมหากษัตริย์



หาก ทักษิณ สามารถบังคับให้พระมหากษัตริย์ ทำตามที่ตนต้องการได้ทุกอย่าง
แล้วประชาชน จะอยู่ได้อย่างไร ?



คนไทยจะยอมได้หรือ
หากว่าพระมหากษัตริย์ที่เราเคารพรักและเทิดทูนอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
จะต้องทำตามคำสั่งของทักษิณ



เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ท่านจะตกเป็นเหยื่อ เป็นเครื่องมือของทักษิณ
เพื่อลบล้างความผิดของตนเอง ล้มล้าง และทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกหรือไม่



ถอยออกมาให้ห่างจากคนเสื้อแดง หลีกเลี่ยงการตกเป็นเครื่องมือของทักษิณ



เพื่อปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ของคนไทยทุกคน
-------------- next part --------------
An HTML attachment was scrubbed...
URL: http://lists.ucr.edu/pipermail/tlc/attachments/20090408/cfdd180c/attachment-0001.html 


More information about the Tlc mailing list